Saturday, February 17, 2007

สวย สวย สวย สวย สวย ซ้วย ซ้วย สวย

(ภาพนี้ไม่ได้ถ่ายเอง แต่ไม่ทราบว่าผู้ใดโหลดมาไว้ในเครื่อง ขออภัยที่ไม่สามารถระบุที่มาได้)

เมื่อไม่นานมานี้ ประเทศไทยช่างยิ่งใหญ่ออกหน้าออกตา ในฐานะประเทศเจ้าภาพการประกวดนัง เอ๊ย นางงามจักรวาล ที่ต้องบันทึกไว้เป็นผลงานระดับโลก โอ้อวดกันไปอีกสามปี ห้าปี โหย…อะไรจะปานนั้น …นอกจากเราจะได้เป็นเมืองแห่งแฟชั่น…(ที่ยกเลิกไปแล้ว ก๊าก) แล้วเรายังได้เป็นเมืองแห่งนางงามกลางเมืองอีกด้วย… ไม่ยินดีวันนี้แล้วจะไปยินดีวันไหนได้อีก

เรื่องการประกวดนางงาม เราก็เคยคุยกันไปบ้างแล้ว วันนี้เราจะมาชื่นชมความงามกันอีกที ด้วยการยกเวทีขึ้นมาไว้ที่หน้ากระดาษ
สมมติว่าเราคือคนดู นั่งหน้าเวทีเลย เอาใกล้ๆ เห็นทุกร่อง เอ๊ะ ไม่ดี เอากำลังดี เห็นบนเห็นล่าง น่าน…ยังง้าน เงยหน้านิด นั่นไง สาวงามที่มาประกวดกันกลางเมือง เขาเดินกันมานั่นแล้ว บิดซ้าย บิดขวา หุบนิด อ้าหน่อย (หมายถึงปากเจ้าค่ะ) หมุน กิ๊บ กิ๊ว ผ่านไปหนึ่ง มาอีกหนึ่ง…เหมือนเดิม….
สวยไหมล่ะ สวยในสายตาของคุณ หรือสวยในสายตาของใคร หรือสวยแบบไหน หรือสวยแบบที่ใครต้องการ
ถ้าถามฉัน สวยในสายตาของฉันก็คือ สวยเท่ เดินยังกะจะมาต่อยใคร ยกไหล่นิดนึง หน้าเข้ม ตาคม นมแบนเหมือนเคต มอสส์ (Cate Moss- ต้นตำรับนมแบนไม่สนใจใคร [โว้ย]) แต่นี่ย่อมไม่ใช่สวยในสายตาของคณะกรรมการนางงามจักรวาลแน่นอนล่ะ นี่เขาเรียกทัศนะส่วนบุคคล
แต่สวยในสายตากรรมการ มันคือสวยในมาตรฐานใคร

นอกจากประกวดนางงามจักรวาล มีใครเคยได้ดูรายการ ประกวดนางงามหงส์ (Swan) ทางช่องยูบีซีบ้าง หากใครชอบดูการประกวดนางงาม ผสมผสานรายการเรียลลิตี้โชว์ล่ะก็ล่ะก็ ขอแนะนำว่า ดูรายการนี่ดีกว่า โคตรมันเลย (ไอ้พวกบิ๊กบราต้งบราเตอร์ตกเวทีไปโน่นเลย) ฉันขอเรียกว่า ประกวดสุดขั้ว ถอนรากถอนโคน เพราะเป็นการให้ผู้สมัครจากทางบ้านประกวดกันสวย ก็ไม่ว่าพวกเธอเหล่านั้นจะ แก่ ย้วย ยาน ฟันผุ ตาเข ปากแหว่ง ขนาดไหน ขอเชิญสมัคร เพราะรายการจะปฏิวัติความงามของเธอพวกนั้น ด้วยการศัลยกรรมใหม่ทั้งตัว!!~ สุดยอดการประกวดตัวจริงเสียงจริง ในการประกวดจะตั้งต้นด้วยการปรึกษาว่าจะผ่าอะไรบ้าง ทำอะไรกับร่างกายและมีบำบัดจิตด้วย (เนื่องจากผู้เข้าประกวดมักเป็นพวกสุขภาพจิตตกต่ำ เพราะคิดว่าตัวเองไม่สวย) เธอจะกลายเป็นวัตถุเพศหญิงชิ้นหนึ่ง ที่ต้องมาอยู่กับกองประกวด เขาจะทำอะไรกับเธอก็ได้ ผ่าโน่น ผ่านี่ โดยที่ห้ามเธอดูกระจก จนกว่าจะถึงวันตัดสิน ซึ่งก็ประมาณ 3 –5 เดือนนั่นละ
พวกเธอต้องการสวย และสวย ยอมกระทั่งเป็นตัวอะไรก็ได้

แล้วมันต่างอะไรกับพวกที่ประกวดนางงาม ทั้งจักรวาล ไม่จักรวาล เมื่อเรายอมรับว่าเราต้องการสวย และทำตัวให้สวย ด้วยการยอมเป็นวัตถุชนิดหนึ่ง ให้เขาทำอะไรก็ได้ เขาจับให้เดินก็เดิน ให้หมุน ให้บิด

แล้วมันต่างอะไรกับเราธรรมดาที่ทำตัวให้สวยภายใต้ความต้องการของใครก็ไม่รู้ เพราะจู่ๆ เราก็เกิดอยากผิวขาวอมชมพูขึ้นมา ทั้งๆ ที่เมื่อ 10 ปี ก่อนหน้านี้มันไม่มีนะ วาทกรรมขาวอมชมพู นี่น่ะ (คงเป็นวาทกรรมระดับท้องถิ่น)

แล้วสายตาของใครที่จับจ้องเรากันแน่ สายตาของกรรมการ สายตาของผู้ชม สายตาของพ่อแม่ สายตาของพวกหื่นกาม

ถ้าตอบแบบสตรีนิยม เราก็จะได้คำตอบสำเร็จรูปว่า เราตกอยู่ภายใต้ระบบชายเป็นใหญ่ เราจึงตกอยู่ในมาตรฐานของสายตาของผู้ชาย ที่กำหนดความงามแบบผู้ชาย และเราก็พยายามจะสวยเพื่อสนองสายตาของผู้ชาย เท่านั้นหรือ ไม่เท่านั้น

ปัจจุบันมันเหมือนว่า สายตาของชายเป็นใหญ่มันจะยิ่งใหญ่ขึ้นด้วยผลประโยชน์ ด้วยอำนาจทางเศรษฐกิจ ด้วยความต้องการมีอำนาจทางเศรษฐกิจ จึงยิ่งนำมาซึ่งวาทกรรมความสวยอันมากมายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน นอกจากขาวอมชมพู ก็เพิ่มเป็นสวยด้วยวงแขนขาว ต่อไป ‘ฮูขี่ ฮูดาก’ ก็อาจต้องขาวอมชมพูกันแล้ว ถึงจะเรียกว่าสวยตัวจริง

สวยอย่างนางงาม ก็กลายเป็นเรื่องธรรมดา มันต้องมีอ๊อพชั่น เช่น ฉลาดด้วย เพิ่มรักเด็ก รักธรรมชาติเข้าไปอีก บางพวกก็ฉีกแนวไปเป็นทูตวัฒนธรรม ไปโน่น
มันไม่ใช่แค่สายตาหื่นๆ ทั่วไปอีกแล้วที่กำหนดกรอบความสวย แต่มันกลายเป็นสายตาของผลประโยชน์ สายตาของการเมืองของผู้ชายที่ใช้ความสวยเป็นสิ่งครอบงำผู้หญิงไว้ และยังเป็นการเมืองเรื่องเศรษฐกิจระดับโลก ที่จะต้องดึงผลประโยชน์จากการสร้างความสวยให้เกิดขึ้นในโลก ในเมื่อธุรกิจสงครามมักถูกต่อต้าน ธุรกิจความสวยนี่ล่ะที่มาช่วยชีวิตเศรษฐกิจโลกได้บ้าง เพราะดูแค่ประเทศไทย กะอีแค่รางวัลแต่งกายลิเกยอดเยี่ยมก็ต้องแย่งเขามา เพื่อจะได้ใช้อำนาจจากรางวัลนั้น เป็นอำนาจในเชิงเศรษฐกิจ เพื่อความ “แรงข้ามทวีป” เข้ากับวาทกรรมใหม่ ที่ว่า “ความสวยคืออำนาจ” อันนี้เป็นถึงอำนาจระดับโลกทีเดียว จะว่าไปแล้ว กี่สิบกี่ร้อยปี นารีก็ยังมีรูปเป็นทรัพย์เช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แล้วดูเหมือนทรัพย์นั้นจะเพิ่มค่าขึ้นเสียด้วย

คล้ายกับว่า เราคงต้องเชื่อเสียแล้วว่า ระบบชายเป็นใหญ่อยู่คู่กับเศรษฐกิจแบบทุนนิยม อย่างแยกไม่ออก
และก็อาจต้องเชื่อว่า ประเทศไทย พยายามจะส่งนางงามเป็นสินค้าส่งออก
นี่ไม่ใช่ข้อพิสูจน์ เป็นแต่ข้อสังเกตของฉัน

No comments: