Thursday, May 17, 2007

กระหรี่ออนไลน์ โสเภณีสาธารณ์ และผู้ถูกจ้องมอง



การที่ผู้หญิงเป็นสินค้าทางเพศ ก็เป็นที่ชวนกระอักกระอ่วนยิ่งนัก สำหรับข้าพเจ้า แม้จะถือคติแบบสตรีนิยมว่า เรือนร่างของเรา เป็นสิทธิของเรา แต่การเอาเรือนร่างมาเร่ขาย ข้าพเจ้าเห็นว่านับเป็นการทำร้ายตัวเองอย่างถึงขีดสุด ไม่ให้เหลือความเป็นคนกันอีก เป็นการกระทำที่เจ้าของเรือนร่างคิดว่า มีสิทธิในเรือนร่างเต็มที่ แต่ในความจริง การเร่ขายเช่นนั้น แสดงให้เห็นถึงการนับถือเงินเป็นใหญ่ อย่ามาอ้างสิทธิในร่างกายใดๆ เมื่อนำเรือนร่างมาแบหลาให้เพศตรงข้ามเล่นเป็นของสนุก เพื่อเงิน

ข้าพเจ้าเชื่อในสิทธิของการใช้เรือนร่างของมนุษย์เพศหญิง เช่น พวกหล่อนมีสิทธิในการเลือก ขอย้ำว่า เลือก ที่จะนอนกับคนที่พอใจ เลือก มิใช่ถูกเลือก หรือยอมนอนกับใครก็ได้ เพื่อเงิน นั่นมิใช่หนทางของการใช้เรือนร่างตามสิทธิของตน

ทุนนิยมและโลกเทคโนโลยี กลับยิ่งทำให้คติเร่ขายร่างกาย แพร่หลายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน สมัยอดีต การโฆษณาสินค้านาผืนน้อย ทำได้เพียงการโฆษณาเฉพาะจุดขาย นั่นคือ มีอะไรก็โชว์กันตรงนั้น ต่อหน้ามนุษย์คู่ค้า อีกนัยหนึ่งคือ เพื่อดักล่อเหยื่อตัณหากลับ ทว่า ในโลกของเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต อีเมล เอ็มเอสเอ็น การโฆษณาสินค้าออนไลน์ดูจะกลายเป็นเรื่องระบาดในหมู่วัยรุ่น

ก่อนหน้านี้ อีเมลประเภทเสนอราคาขายชัดเจน แพร่หลายอยู่มาก เป็นการขายสินค้ากันตรงๆ โดยส่งเมล์สุ่มให้กลุ่มลูกค้า เป็นภาพถ่ายทุกอิริยาบท ไม่ต่างจากหนังสือปลุกใจเสือป่า พร้อมระบุว่ายังเรียนอยู่ที่ไหน ติดต่อที่เบอร์ไหน ปิดท้ายว่า ราคาเท่าไหร่ต่อคืน หรือบางคนระบุว่า ไม่รับค้างคืน นี่ชัดเจนว่า เป็นการขายตัวออนไลน์ ไม่ต้องไปนั่งขายยืนขายหน้าโรงแรมสยาม หรือนั่งอ่อยเหยื่อหน้าผับบาร์ดังๆ

การขายตัวจึงกลายเป็นเรื่องง่าย เมื่อสื่อผ่านในอินเทอร์เน็ต ไม่ต้องกลัวใครมาเห็นตอนยืนขายตัว หากคนรู้จักมาเปิดเจอเมล์ ก็อ้างไปว่า โดนกลั่นแกล้ง เพราะมันไม่ใช่ความผิดซึ่งหน้า

แต่เมื่อมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมากขึ้น โทรศัพท์มือถือถ่ายวิดีโอได้ และยูทูบมียูทูบเป็นเว็บไซต์สื่อกลาง (ไม่อยากบอกว่า จริงๆ มันมีพอร์นทูบอีกอัน นั่นสำหรับพวกฮาร์ดคอร์) การเปิดเผยเรือนร่างแบบสาธารณ์ก็ยิ่งแพร่ระบาด

เริ่มจาก การโชว์เล็กๆ น้อยๆ ผ่านเว็บแคม อวดเนินอก อ้าขาวับแวม จนกระทั่งโชว์แบบถึงขั้นสยองแบบดาราหนังโป๊ โดยนิสัยใจกล้าหน้าด้านเช่นนี้เกิดขึ้นเพราะพวกหล่อนคิดว่าหล่อนไม่รู้จักคู่สนทนาขนาดที่จะทำให้เกิดความอับอาย

มันระบาด เพราะมันเป็นสื่อที่มีความเป็นส่วนตัวสูง แอบทำในที่ลับ แต่แพร่ขยายกระจายไปดังไฟลามทุ่ง (สำนวนเก่าไปไหมเนี่ย) กลายเป็นคลิป เป็นอีเมล์ ส่งต่อๆๆๆ กันไปไม่มีที่สิ้นสุด ดังนั้น ดาราคนไหนออกัสซั่มโชว์ คนทั้งประเทศที่มีคอมพิวเตอร์ ก็สามารถก็รู้กันหมด

การ ที่ดารานางนั้น ทำท่าเซ็กซี่ล่อชาย ออกมา 2 เวอร์ชั่น และกำลังมีเวอร์ชั่นที่ 3 ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะหล่อนให้สัมภาษณ์ว่า หล่อนถ่ายแบบให้นิตยสารฉบับหนึ่ง แล้วนิตยสารฉบับนั้นเอาภาพคลิปวิดีโอมาลงแพร่กระจายในอินเทอร์เน็ต พร้อมกันนั้นก็ทำสุ้มเสียงว่าไม่พอใจ แต่กลับปิดท้ายว่าทำอะไรไม่ได้ ฟ้องก็ไม่ได้ ที่เธอพูดก็นั้นส่อให้เห็นว่า เธอน่าจะมีการเซ็นสัญญาครอบคลุมไว้แล้ว เธอจึงฟ้องร้องไม่ได้ นั่นเป็นการเปิดช่องให้เห็นว่า แท้จริงเธอก็มีส่วนรู้เห็นการกระทำเช่นนี้อยู่ เพียงแต่ไม่คิดว่ามันจะแรงขนาดที่ปรากฏออกมา

นี่เป็นการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในทางที่มหาวิบัติ เด็กสาววัยรุ่น ถือเป็นเรื่องยอดฮิตที่จะได้โชว์ของดีของตัวเองในสื่อออนไลน์ โดยคิดว่า เรื่องของกู นมของกู อวัยวะเพศของกู

ทั้งที่ในความเป็นจริง พวกหล่อนลืมไปว่า หล่อนเป็นเพียงสินค้าในตู้จอคอมพิวเตอร์ ที่นั่งโชว์อวดของดี แสดงท่ายั่วยวน ถึงจุดสุดยอด เพียงเพื่อให้ตัวเองเป็น “ผู้ถูกจ้องมอง” หล่อนกลายเป็นสินค้าทางเพศที่เลือกอะไรไม่ได้ นอกจากแสดงท่ายั่วยวน หล่อนไม่ได้มีอำนาจอันใดในร่างกายของตนเองแม้แต่น้อย หล่อนตกอยู่ในสายตาของเพศชาย และสังคมที่เพศชายมองพวกหล่อนเป็นวัตถุเท่านั้น หล่อนมีค่าไม่ต่างจากการ์ตูนสามมิติเซ็กซี่ในโลกไซเบอร์ที่เป็นที่นิยมในหมู่ผู้ชาย

หล่อนไม่มีตัวตน ไม่มีหัวใจ ไม่มีวิญญาณ และไม่มีสิทธิใดๆ เพราะหล่อนเป็นวัตถุ

Thursday, May 10, 2007

Be Yourself : Audioslave เป็นตัวเอง ออดิโอสลาฟ

Be Yourself
Artist(Band):Audioslave



Someone falls to pieces
ใครบางคนหล่นสลาย
Sleeping all alone
นอนเดียวดาย
Someone kills the pain
ใครบางคนฆ่าความปวดร้าว
Spinning in the silence
ปั่นป่วนหมุนคว้างอยู่ในความเงียบ
To finally drift away
เพื่อท้ายที่สุด ล่อยลอยเลื่อนลอย
Someone gets excited
ใครบางคนตื่นเต้น
In a chapel yard
อยู่ในสนามของโบสถ์
And catches a bouquet
และรับช่อดอกไม้
Another lays a dozen
ขณะคนอื่นวางดอกไม้นับโหล
White roses on a grave
กุหลาบสีขาวบนหลุมศพ

Yeahhh...

And to be yourself is all that you can do
และ จงเป็นตัวเอง นั่นคือทั้งหมดที่คุณจะทำได้
Heyyyy...
To be yourself is all that you can dooo
จงเป็นตัวเอง นั่นคือทั้งหมดที่คุณจะทำได้

Someone finds salvation in everyone
ใครบางคนหาความช่วยเหลือจากคนอื่น
Another only pain
ขณะใครคนอื่นเพียงแค่ทนเจ็บปวด
Someone tries to hide himself
ใครบางคนพยายามซ่อนตนเอง
Down inside himself he prays
จมลงภายในตน เขาภาวนา
Someone swears his true love
ใครบางคนสาบาน ถึงรักแท้
Until the end of time
จนกระทั่งวันสิ้นโลก
Another runs away
ขณะใครคนอื่นกลับวิ่งหนีมัน
Separate or united
แยกออก หรือ รวมกัน
Healthy or insane
สบายดี หรือ บ้า

And to be yourself is all that you can do(all that you can do)
และ จงเป็นตัวเอง นั่นคือทั้งหมดที่คุณจะทำได้ ทั้งหมดที่คุณทำได้
Yeahhh...
To be yourself is all that you can do(all that you can do)
จงเป็นตัวเอง นั่นคือทั้งหมดที่คุณจะทำได้ ทั้งหมดที่คุณทำได้
To be yourself is all that you can do(all that you can do)
Heyyyy...
Be yourself is all that you can do
จงเป็นตัวเอง นั่นคือทั้งหมดที่คุณจะทำได้

Even when you've paid enough
แม้แต่เมื่อคุณชำระมันเพียงพอแล้ว
Been pulled apart or been held up
ถูกดึงกระชากออกเป็นส่วน หรือถูกยกขึ้นมา
Every single memory of the good or bad
ทุกความทรงจำเดียวของความดี หรือ เลว
Faces of luck
ใบหน้าของโชค
Don't lose any sleep tonight
อย่านอนไม่หลับเลย ในคืนนี้
I'm sure everything will end up alright
ฉันมั่นใจ ทุกสิ่งคงจบลง
You may win or lose..
คุณอาจจะชนะ หรือแพ้

But to be yourself is all that you can do
แต่ จงเป็นตัวเอง นั่นคือทั้งหมดที่คุณจะทำได้
Yeahhh...
To be yourself is all that you can do
จงเป็นตัวเอง นั่นคือทั้งหมดที่คุณจะทำได้

Ohhhh...
To be yourself is all that you can do(all that you can do)
นั่นคือทั้งหมดที่คุณจะทำได้ ทั้งหมดที่คุณทำได้
ohhhh...
To be yourself is all that you can do(all that you can do)
นั่นคือทั้งหมดที่คุณจะทำได้ ทั้งหมดที่คุณทำได้

To be yourself is all that you can--
Be yourself is all that you can--
Be yourself is all that you can dooooooohoooo

Wednesday, May 9, 2007

ความรักตายแล้ว Love is Dead



Nothing ever goes right
Nothing really flows in my life
No one really cares if no one ever shares my care
People push by with fear in their eyes in my life
Love is dead, love is dead
The telephone rings, but no one ever thinks to speak to me
The traffic speeds by,
but no one's ever stopped too late
Intelligent friends don't care in the end,
believe me
Love is dead,
love is dead
And plastic people with imaginary smiles
Exchanging secrets at the back of their minds
Plastic people
Plastic people
Nothing ever goes right
Nothing really flows in my life
No one really cares if this horror's inside my head
People push by with fear in their eyes in my life
Love is dead,
love is dead
Love is dead,
love is dead
Love is dead,
love is dead
And all the lies that you've given us
And all the things things that you said
And all the lies that you've given us...
Blow like wind in my head

Thursday, May 3, 2007

ผมของผู้หญิง


ผมในที่นี้มิใช้สรรพนามบุรุษที่หนึ่ง หากแต่เป็นคำนาม อันหมายถึง เส้นผมบนศีรษะ เหตุใดจึงยกเรื่องผมกับผู้หญิงมากล่าวถึงในที่นี้ ก็เพราะในปัจจุบัน ผม ของผู้หญิง ถูกกระทำให้เป็นอำนาจอย่างหนึ่งของผู้หญิงไปเสียแล้ว ผม กลายเป็นส่วนประกอบหนึ่งของ “สวยคืออำนาจ” (รวมทั้งผิวขาวอมชมพู รักแร้ขาวนวล อกอวบอิ่ม ฯลฯ)

ความเชื่อในสังคมไทย ก็ถือว่า ผม เป็นสัญลักษณ์ทางเพศอย่างหนึ่ง สมัยโบราณ หากหญิงสาวคนไหนชอบเสยผม นั่งหวีผมต่อหน้าผู้ชาย มักจะต้องถูกตำหนิ เพราะการกระทำนั้นแสดงถึงการ “ให้ท่า” หรือแรงกว่านั้นก็คือ หมายถึง “ผู้หญิงขายตัว” ดังนั้นหากมีผม ก็ต้องจัดการเก็บเสียให้เรียบร้อย สมเป็นสตรีไทย แต่เมื่อมาถึงยุคทุนนิยม จึงมีการ “บิด” สัญญะของผมเสียเล็กน้อย จากการแสดงการ “ให้ท่า” ก็เปลี่ยนมาเป็น สร้างความ “เซ็กซี่ “ (แล้วมันต่างกันตรงไหนเนี่ย) สัญญะทางเพศในเชิงลบ ก็กลายเป็นในเชิงบวกได้อย่างไม่น่าเชื่อ

บรรดาโฆษณา โดยเฉพาะทางโทรทัศน์ กำลังทำให้ผมสวย กลายเป็นมาตรฐานของลูกผู้หญิง สวยตรงสลวย ห้ามฟูเป็นรังนก ทำสีก็ได้ยิ่งสวยเก๋ ผมสวยกลายเป็นความเซ็กซี่เหลือแสน และความเซ็กซี่นั่นเองที่คืออำนาจของผู้หญิง
เชื่อไหมว่า เมื่อประมาณปีที่แล้ว มีโฆษณาใหญ่ยักษ์ของยาสระผมยี่ห้อหนึ่ง มีคำโปรยประมาณว่า แม้จะ (นมแบน)เป็นไข่ดาว แต่ก็เซ็กซี่ได้ (เพราะยาสระผมยี่ห้อนั้น) “ผม” น่ะ แทน “นม” ได้เลยทีเดียวล่ะ ตามที่โฆษณาเขาพยายามจะยัดเยียดความเชื่อใหม่ๆ ให้ผู้เสพรับสื่อ

หากมองแบบทุนนิยม ผม เป็นส่วนหนึ่งของผู้หญิง ที่จะทำการตลาดได้ง่าย ผม เป็นส่วนประกอบของร่างกายที่ก้ำกึ่งระหว่าง อวัยวะ ที่ต้องดูแลรักษา และเป็นได้ทั้ง แฟชั่น นำสมัย ที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา อันนำมาซึ่งมูลค่าทางการตลาดมากมาย ทั่วโลก เพราะผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับผมล้วนแต่เป็นสินค้าฟุ่มเฟือย ใช้แล้วหมดไป ต้องซื้อใหม่ทั้งสิ้น ดังนั้น ทุนนิยม จึงเป็นเหตุสำคัญ ในการ บิด สัญญะของผม ทำให้ให้เซ็กซี่นั้นดูดี ควรค่าแก่ผู้หญิงสมัยใหม่ และเคยสังเกตไหมว่า แต่ละเดือนๆ มีสูตรยาสระผม ครีมบำรุงผม น้ำยาทำสีผม ครีมหมักผม ออกมากันเดือนจะกี่สูตรกี่ยี่ห้อ อัดโฆษณากันทีเป็นร้อยล้านพันล้าน ยาสระผมราคาแพงขึ้นๆ ทุกยี่ห้อ

ข้าพเจ้าจึงไม่แปลกใจเลยว่า เพราะเหตุใดศาสนาอิสลาม จึงอยู่ในตำแหน่งตรงข้ามกับทุนนิยมอย่างชัดเจน ในขณะที่โลกทุนนิยม ส่งเสริมให้ผู้หญิงจงใช้ผมของตนเพื่อการเปิดเผย เป็นอิสระ และเซ็กซี่ แต่โลกของมุสลิมกลับบอกว่า จงเก็บผมของเจ้าเสียให้มิดชิดจากผู้อื่น นักสตรีนิยม มักกล่าวหาว่า ศาสนาอิสลาม เป็นศาสนาที่กดขี่สตรี และมักยกข้อกำหนดมากมายที่เกี่ยวข้องกับผู้หญิงมาอ้าง โดยเฉพาะเรื่องการปกปิดผม ในแง่ที่ว่าเป็นการจำกัดสิทธิของเพศหญิง ซึ่งก็เป็นมุมมองแบบตามทฤษฎีสตรีนิยมล้วนๆ

ตามหลักศาสนานั้น การปกปิดผมของผู้หญิงมุสลิม หรือที่เรามักเรียกว่า คลุมฮิญาบ นั้น คือการคลุมผม โดยปิดผ้าคลุมผมลงมาจนถึงหน้าอก การ “ฮิญาบ” มิใช่หมายถึงแค่การคลุมผม แต่รวมถึงการแต่งกายมิดชิด และการประดับเครื่องประดับตามร่างกาย นั่นหมายถึงการควบคุมร่างกายของเพศหญิงอย่างเข้มงวด ข้าพเจ้ามีเพื่อนเป็นหญิงมุสลิม เธอกล่าวด้วยศรัทธาว่า พระเจ้าบอกว่าเส้นผมเปรียบเสมือนไฟรุ่มร้อน หากไม่คลุมผมก็ไม่ต่างจากการเดินเปลื้องผ้า ในหนังสือ เรื่อง มากกว่าผ้าคลุมผม ของ กลุ่มสตรีแห่งทางนำ (หน้า 10) ระบุว่า “หากคุณลองสังเกตผู้หญิงที่แต่งกายมิดชิดด้วยชุดยาวตัวหลวม คลุมฮิญาบปกปิดร่างกาย จะพบว่าพวกเธอไม่ได้ดึงดูดความสนใจเอาซะเลย หนำซ้ำยังถูกมองว่าแต่งตัวไม่ทันสมัยอีก นี่คือสิ่งที่พวกเธอยอมแลกกับการรักษาความบริสุทธิ์สะอาด และป้องกันพฤติกรรม ที่อาจก่อความเดือดร้อนแก่เธอ อาทิ การเข้ามาทำความรู้จัก พูดคุย หรือเกี้ยวพาราสี อักทั้งเพื่อไม้ให้เพื่อนต่างเพศจินตนาการถึงเธอ เมื่อมองเห็นอวัยวะบางส่วน หรือสรีระของพวกเธอฯลฯ” หากอ่านรายละเอียดของบทบัญญัติที่เกี่ยวกับผมและฮิญาบ สิ่งหนึ่งที่สามารถมองเห็นชัดเจนก็คือ ศาสนาอิสลาม เป็นศาสนาที่รู้ลึกซึ้งถึงสัญชาตญาณของเพศชายเป็นอย่างยิ่ง และยังรู้ดีเสียด้วยว่า เพศชายนั้นยากแก่การควบคุม จึงหันกลับไปควบคุมเพศหญิงแทน

กลับมาถึงเรื่องผม เมื่อศาสนาอิสลามสั่งให้ปกปิดเส้นผม มองศาสนาอื่นจะพบว่าส่วนใหญ่ในทางศาสนา ผมมันจะต้องถูกจำกัดพื้นที่ให้อยู่บนหัวอย่างเรียบร้อย เช่น พระหรือนางชีในคริสตศาสนา ก็ต้องปกคลุมผมให้เรียบร้อย
พุทธศาสนา ก็สั่งให้ปลงผมเช่นกัน เมื่อบวช เป็นทั้งภิกษุและภิกษุณี รวมถึงชี เป็นการยืนยันว่า ผมนั่นเป็นของฟุ่มเฟือย เป็นวัตถุทางโลกย์

แต่ในระบบทุนนิยม ผมถูกใช้เป็นเครื่องมือทางโลกย์ สร้างความปั่นป่วนให้สังคม และกระเป๋าสตางค์ของเจ้าของผม ที่ยิ่งกว่านั้น คือ ผม กลายเป็นตัวแทนของความต้องการทางเพศ ในชื่อใหม่ไพเราะว่า เซ็กซี่ เด็กสาวสมัยนี้ขยันเข้าร้านทำผมมากกว่าเข้าห้องสมุด เชื่อไหมล่ะ

สังคมนี้ต้องมีสติเสียที แม้หลายคนจะมองว่าก็แค่เรื่องของผม ที่ยังไม่มีใครใส่ใจจริงจัง แต่มันก็แค่เรื่องของผม ที่ถูกปั่นให้มีคุณค่ามากเกินความเป็นจริง ต้องรู้ให้ทันกันหน่อย