Wednesday, March 18, 2009

single mom




“ชีวิตมิลล์ก็หนักมาก คนจะมองว่าการที่เราคบแฟนคนหนึ่ง เรามีลูก แล้วเราเก็บลูกไว้ แล้วมันผิดมากนัก ทำไมมันถึงผิด ทั้งที่คนอื่นทำเพื่อตัวเองทั้งนั้น มีลูกก็ไปเอาออก อย่างนั้นมันดีกว่าเหรอพี่ มิลล์ถามหน่อย ไม่รู้ว่าอย่างนั้นมันดีกว่าหรือเปล่า แต่มิลล์เลือกทำสิ่งที่มันถูก แต่ทำไมคนกลับมองอย่างนี้ไม่เข้าใจ”

(http://www.igossipy.com/article.php?id=5835)

เป็นคำให้สัมภาษณ์ของหญิงสาวที่เป็นข่าวว่า กิ๊กกับ โดม ปกรณ์ แล้วถูกนักข่าวนำเรื่องส่วนตัวออกมาแฉ

“มีลูกก็ไปเอาออก อย่างนั้นมันดีกว่าเหรอพี่ มิลล์ถามหน่อย”

ข้าพเจ้าก็อยากจะถามสังคมไทย และสังคมสื่อมวลชนไทยว่า เออ แล้วมันเป็นเรื่องที่ผิดมากไหม กับการที่หญิงสาวสักคน มีลูกเงียบๆ โดยไม่ได้แถลงข่าว พอนักข่าวรู้ขึ้นมา จำเป็นด้วยหรือที่ต้องเอามาแฉกันจนชีวิตของเธอต้องสั่นคลอน
นี่เป็นสิ่งที่ผู้หญิงไทยต้องเผชิญ หากจะเป็น single mom ก็ต้องแถลงข่าวกันไปเลย ถ้าปิดไว้ มันจะถูกล้วงควัก ออกมาในทำนองว่าเป็นเรื่องไม่ดี ประมาณว่า ท้องไม่มีพ่อ

การตั้งท้องนั้น ไม่ใช่เรื่องน่าสนุกเลยแม้แต่น้อย ตั้งแต่แรกเริ่ม ต้องเจอกับความเหนื่อยล้า แพ้ท้อง อาเจียน ผะอืดผะอมสารพัด พอท้องเริ่มใหญ่ก็ต้องอึดอัด ท้องอืด ยิ่งขยายใหญ่ขึ้น ก็ยิ่งอุ้ยอ้าย ไปไหนมาไหนไม่สะดวก นี่ยังไม่นับภาวะเสี่ยงต่างๆ ระหว่างการตั้งท้อง ที่คุณแม่ต้องระมัดระวัง อดทน ควบคุมชีวิตและจิตใจ เลิกของโปรดหลายๆ อย่าง เพราะมีอีกชีวิตในท้อง

ยิ่งหากเผชิญการท้องด้วยตัวคนเดียว ข้าพเจ้าขอนับถือว่า เป็นด่านที่ยาก ต้องใช้ความอดทนและเข้มแข็งมากกว่าหญิงท้องทั่วไปหลายเท่านัก

แต่สังคมไทย มักลืมตัวเสมอ เวลาพูดถึง single mom หลายครั้งหลุดคำอธิบายว่า ท้องไม่มีพ่อออกมา

แม้ว่า ปัจจุบัน สังคมไทยจะยอมรับการเป็น single mom มากขึ้น ดาราหลายคนที่หย่าร้างกับสามี แล้วเลี้ยงลูกเอง ก็ได้รับการยอมรับมากขึ้น ไม่ต้องปิดบังหรือแอบซ่อน แต่ก็อย่างที่กล่าวไว้ สังคมเรามักชอบลืมตัวเสมอ เผลอไม่ได้ อย่างกรณีของน้องมิลล์
สื่อมวลชน เป็นกลไกสำคัญในการสร้าง หรือ ปลุกปั่น กระแสข่าวต่างๆ แต่สื่อมวลชนมักลืมระวัดระวังตัวเรื่องสิทธิส่วนบุคคล และขาดความรับผิดชอบต่อผู้ตกเป็นข่าว หลายครั้งก็สร้างข่าวขึ้นมาเพื่อจะปั่นข่าวเอง และปิดข่าวเองด้วย เป็นกลวิธีของสายข่าวบันเทิงที่เห็นอยู่เป็นประจำ

แล้วชีวิตของหญิงสาว หรือเด็ก ที่ตกเป็นข่าวล่ะ ความเป็นส่วนตัว ที่ถูกละเมิดล่ะ เป็นต่างประเทศ เขาฟ้องร้องกันเป็นล้านๆ
แต่ของไทย ใครจะอยากไปมีเรื่องกับ หนังสือพิมพ์ หรือนิตยสาร หรือนักข่าวล่ะ จนแทบจะต้องมีการอ้อนวอน ขอความเห็นใจจาก “พี่ๆ สื่อมวลชน” ยิ่งถ้าเขียนข่าวแบบละเลงสีตีไข่ปู้ยี่ปู้ยำ ผู้ตกเป็นข่าวที่ยังไม่ดัง มักจะต้องร่ำไห้ขอความเห็นใจ แทนที่จะฟ้องร้องให้เป็นเรื่องเป็นราว อย่างต่างประเทศ

ข้าพเจ้าจึงอยากจะเรียกร้องให้สังคมไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สื่อมวลชน คิดให้มากๆ เวลาต้องนำเสนอข่าวที่เกี่ยวกับ single mom ผลกระทบกะะจายกว้างมากกว่าแค่ที่เห็น

ที่สำคัญ มันคือการทำร้ายลูกผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้หญิงที่เป็นแม่อย่างโดดเดี่ยว

No comments: