Friday, December 28, 2007

คลั่งรัก muse



Hysteria
muse

It's bugging me, grating me
And twisting me around
Yeah I'm endlessly caving in
And turning inside out

'cause I want it now
I want it now
Give me your heart and your soul
And I'm breaking out
I'm breaking out
Last chance to lose control

It's holding me, morphing me
And forcing me to strive
To be endlessly cold within
And dreaming I'm alive

'cause I want it now
I want it now
Give me your heart and your soul
And I'm not breaking down
I'm breaking out
Last chance to lose control

And I want you now
I want you now
I'll feel my heart implode
And I'm breaking out
Escaping now
Feeling my faith erode

Tuesday, November 27, 2007

มิโดริสงสัยว่า ทำไมมนุษย์เพศเมียจึงต้องมีมดลูก




เช้าวันนี้ มิโดริเล่นเอ็มแต่เช้า

จู่ๆ หญิงสาวจากหลุมดำ ก็ออนมาแล้วบอกว่า เธอกำลังเมา และเธอกลัวว่าจะมีปรสิตของเขาตกค้างอยู่ในมดลูก

พระเจ้า



มิโดริคิดว่า พระเจ้าไม่น่าสร้างมดลูกให้ผู้หญิงเลย พระเจ้าน่าจะสร้างที่อุ้มตัวอ่อนไว้ที่หน้าท้องของมนุษย์ตัวผู้ และเมื่อมนุษย์มีเพศสัมพันธ์กัน มนุษย์ตัวผู้จะรับไข่จากมนุษย์ตัวเมียไปเก็บไว้ที่กระเป๋าหน้าท้อง และอุ้มท้องอยู่อย่างนั้นจนเก้าเดือน



ทำไมมนุษย์เพศเมียนอกจากมีภาระมากมายและ ยังต้องรับภาระทางสังคม

หากท้อง

จะต้องตอบคำถามของสังคมมากมาย

ทั้งๆ ที่มันก็แค่ธรรมชาติว่า เป็นเพราะเพศเมียอุ้มมดลูก



และหากมนุษย์เพศเมียคนนั้น ไม่ต้องการไอ้คนที่ทำให้ท้อง หล่อนก็มีสิทธิที่จะท้องโดยไม่มีพ่อมิใช่หรือ

หรือหากหล่อนไม่ต้องการจะอุ้มท้อง หล่อนมีสิทธิที่จะเอาตัวอ่อนออกไปหรือไม่

ทั้งมิโดริ และหญิงสาวจากหลุมดำ ไม่อยากอุ้มท้องด้วยเหตุผลที่อาจจะต่างกัน

แต่ทั้งสองคนก็ไม่ต้องการมีตัวอ่อน



มิโดริ คิดถึงหญิงสาวจากแผ่นดินแล้งคนหนึ่ง

หล่อนยอมที่จะท้อง เพราะคิดว่า ท้องของหล่อนจะจับมนุษย์เพศชายคนที่นอนกับหล่อนได้สำเร็จ

พระเจ้าช่างสร้างสมองเท่าเมล็ดถั่วให้หล่อน



เพราะมนุษย์เพศชายตัวนั้น ไม่ต้องการทั้งหล่อน และท้องของหล่อน

หล่อนคงต้องเอาตัวอ่อนออก เพราะหล่อนไม่เป้นที่ต้องการ

มันจะเจ็บปวดมาก หากพบว่าตัวเองไม่เป็นที่ต้องการ



มิโดริรู้ว่า การท้อง ไม่ได้ทำให้มนุษย์เพศผู้เห็นใจ

และสังคม ก็ไม่พร้อมจะเห็นใจมนุษย์เพศเมียที่ท้องโดยไร้ผัว



หญิงสาวจากหลุมดำกินยาชนิดหนึ่ง

มิโดริก็เคยกิน

ขอบคุณประเทศนี้ ที่ยังมียาแบบนี้ให้กิน

และมิโดริก็คิดไปถึงหญิงสาวจากปราสาทเก่าอีกคนหนึ่ง

หล่อนกินยาชนิดเดียวกัน มากกว่า 3 ครั้ง ใน 1 เดือน อันตราย

หล่อนท้อง

และหมอวินิจฉัยว่า ตัวอ่อนของหล่อนปัญญาอ่อน

หล่อนพอใจที่จะเอาตัวอ่อนออกไปจากท้องของหล่อน

ใช่ มันถูกกฎหมาย เพราะตัวอ่อนของหล่อนปัญญาอ่อน



มิโดริ ชักเหนื่อย

ทำไม มนุษย์เพศเมีย จึงมีภาระมากมาย อันเกิดจากมดลูกของพวกหล่อนด้วยนะ

Sunday, November 4, 2007

มีอยู่จริง เทพแห่งสแกนดิเนเวีย ดูเขาแสดงสด สุดยอด

มีอยู่จริง เทพแห่งสแกนดิเนเวีย ดูเขาแสดงสด สุดยอด
การแสดงสดขั้นสุดยอด ที่ทำให้ฉันเชื่อว่า เขาเป็นเอลฟ์

Saturday, November 3, 2007

โอ.. พระเจ้า ข้าหลงรักพวกเขา เทพเจ้าแห่งสแกนดิเนเวีย




Apocalyptica

เพลง nothing else matters ของ Metallica
ในแบบคลาสสิค
ชวนหลงรัก

Monday, October 15, 2007

กุหลาบ
















ดอกกุหลาบบาน
เพียงชั่วครู่

ยามเช้าผ่านไปแล้ว
แสงแดดเผา
กุหลาบกลั่นเป็นเลือด
ไหล นอง

ยามเที่ยงผ่านไป
เลือดแห่งกุหลาบนองเต็มหัวใจ
สะท้านสะเทือนภายใน
มิมีดอก
มิมีดอก
มิมีความรัก
สู่ยามเย็นอันร่วงโรย
แล้ววันก็ผ่านไป

Wednesday, August 29, 2007

starsailors เพลง In The Crossfire

ชอบเพลงนี้ค่ะ




In The Crossfire Lyrics
Artist(Band):Starsailor



Send polyphonic ringtone to your cell phone


I don't see myself when I look in the mirror
I see who I should be
I don't see myself when I look in your eyes
Thank God for that

I don't see myself when I look cross the river
I see where I should be
I don't see myself when I look from the sky
Thank God for that
I hear them screaming
On the radio
Its getting louder
In the crossfire
Trying to find some hope
From the ashes of their broken homes

I don't see myself when they fail to deliver
I see what I should be
I don't see myself when I look at the flag
Thank God for that

I hear them screaming
On the radio
It's getting louder
In the crossfire
Trying to find some hope

Our day will come
We'll find the sun
We'll find the fire
We'll sanctify
The love we gave
Our one desire

I hear them screaming
On the radio
Its getting louder
In the crossfire
Trying to find some hope
I hear them screaming
On the radio
Its getting louder
In the crossfire
Trying to find some hope
From the ashes of their broken homes

I don't see myself when I look in the mirror

Monday, August 27, 2007

การเมืองเรื่องเพศ : นักการเมืองเลสเบี้ยน





ช่วงนี้กระแสความหลากหลายทางเพศมาแรง ในภาคการเมืองไทย นักเคลื่อนไหวคนหนึ่ง (หรือหลายคน) กำลังถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกรักร่วมเพศ ซึ่งก็ไม่มีนักเคลื่อนไหวหรือนักการเมืองคนใดออกมายอมรับกันจริงๆ ทั้งที่ในทางกฎหมายแล้ว ดูว่าประเทศไทยกำลังจะก้าวหน้าในเรื่องของการให้สิทธิความหลากหลายทางเพศ



แน่นอน การยอมรับว่าตนเอง เป็นกลุ่มเพศที่สาม หรือเพศที่หลากหลาย หรือ ยังเลือกเพศไม่ได้ นั้นยังไม่เป็นที่ยอมรับของสังคมไทย แม้จะเป็นที่ยอมรับกันในสังคมว่า กลุ่มคนที่มีอาชีพจำพวก วงการบันเทิง ความสวยงาม ช่างแต่งหน้า ช่างทำผม ส่วนใหญ่จะมีเพศที่สาม ทั้งยังได้รับการยอมรับว่ามี “ฝีมือ” อยู่ในขั้นแนวหน้า




แต่สำหรับวงการการเมือง ยากที่จะมีใครออกมายอมรับตรงๆ แม้จะมีข่าวลือ หรือเป็นที่รู้กันในกลุ่มนักการเมืองก็ตาม




นั่นแปลว่า การเมืองไทยยังไม่ก้าวหน้า ??




มองอย่างสายตาคนไม่ชอบการเมือง ก็ต้องบอกว่า การเมือง เป็นเรื่องของพวก “หัวโบราณ” ไร้ความก้าวหน้า ไร้จินตนาการ นโยบายส่วนใหญ่เป็นไปตามกรอบบรรทัดฐานสังคมเดิมๆ อย่าว่าแต่นักการเมืองเพศที่สามเลย แค่นักการเมืองเพศหญิง ก็ยังหาโอกาสเกิดในเวทีการเมืองได้ยาก ถึงยากที่สุด




ทั้งที่ความเป็นนักการเมืองหญิง ถูกนำมาเป็นจุดขาย สร้างความคึกคักให้วงการการเมือง โดยอาจยึดหมุดหมายสำคัญเมื่อ พ.ศ. 2536 สมัยรัฐบาลพลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ มีผู้ว่าราชการจังหวัดที่เป็นผู้หญิงคนแรก คือ คุณหญิงจรัสศรี ทีปิรัส ช่วงนั้นองค์กรผู้หญิงก็คึกคัก ทั้งสื่อมวลชนก็ตอบรับกระแสผู้หญิงกันอย่างมาก โดยเฉพาะช่วงการเลือกตั้งครั้งวันที่ 17พฤษภาคม 2539 มีผู้สมัครเป็นผู้หญิงมากมาย แต่ก็ได้รับการตอบรับมาต่ำกว่าความคาดหมาย นักการเมืองหญิงที่มีชื่อเสียง เช่น คุณหญิงสุพัตรา มาศดิตถ์ สายตระกูลการเมืองเก่า ที่ปัจจุบันก็ห่างเวทีการเมืองไป ที่ยังได้ชื่อว่าทำงานการเมืองอยู่ เช่น สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ปวีณา หงสกุล กัญจนา ศิลปอาชา ซึ่งเป็นที่สังเกตว่า แต่ละคนมีพื้นฐานครอบเป็นครอบครัวการเมือง ทำให้สามารถทำงานการเมืองได้ต่อเนื่อง ด้วยการสั่งสมชื่อเสียงมาจากอดีต




เทียบเคียงกับประเทศแถบเอเชียด้วยกัน ฟิลิปปินส์ ก็มีประธานาธิบดีหญิง อย่าง กลอเรีย อาโรโย่ เกาหลีใต้ มีนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรก คือ ฮาน เมียง ซุก บังคลาเทศ มีนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรก คือ คลาลิด้า เซีย (เบกุม คาเลดาเซีย) ผู้นำพรรคชาตินิยมบังกลาเทศ ตามมาด้วย คู่แข่งต่างพรรค แต่เป็นผู้หญิงเช่นเดียวกัน คือ นางฮาสินา วาเจด หัวหน้าพรรคสันนิบาต ได้รับเลือกตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงแห่งบังคลาเทศต่อมา (แต่การเมืองในบังคลาเทศ ถูกทหารยึดอำนาจและตั้งรัฐบาลที่กองทัพสนับสนุน และห้ามอดีตนายกรัฐมนตรีหญิงทั้ง 2 คนเข้าประเทศ และเกิดความรุนแรงอันเนื่องมาจากการประท้วงของประชาชน จนประธานาธิบดี เอียจัดดิน อาเหม็ด ประกาศลาออกจากตำแหน่งผู้นำรัฐบาลรักษาการ และให้เลื่อนการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้นใน 22 ม.ค.นี้ ออกไปไม่มีกำหนด--อันแสดงถึงการใช้อำนาจแบบเพศชายยึดอำนาจทางการเมือง)




ที่สำคัญนักการเมืองหญิงส่วนใหญ่ ที่อยู่ในตำแหน่งสูงสุดของประเทศแถบเอเชีย ส่วนใหญ่มีพื้นฐานไม่ต่างจากนักการเมืองหญิงในประเทศไทย คือมีเบื้องหลังมาจากครอบครัวนักการเมือง




คลาลิด้า เซีย ก้าวสู่เวทีการเมืองหลังจากสามี คือ ประธานาธิบดี Ziaur Rahman ผู้เป็นสามีถูกลอบสังหารเมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2524 รวมทั้ง ฮาสินา วาเจด ก็เกิดในตระกูลการเมืองคู่แข่งกับนางเซีย ที่ผลัดกันครองตำแหน่งทางการเมืองมาตั้งแต่บังกลาเทศได้รับเอกราชจากปากีสถานเมื่อปี 2514 ส่วน อาโรโย่ เป็นลูกสาวของ Diosdado Macapagal ประธานาธิบดีคนที่ 9 ของฟิลิปปินส์ ( พ.ศ.2504) รวมถึงนางอินทิรา คานธี แห่งอินเดีย ที่เกิดและเติบโตในตระกูลการเมือง




ที่เติบโตมาจากการต่อสู้และทำงานหนัก และดูจะมี “แบ็ค” น้อยกว่าคนอื่นเห็นจะเป็น ฮาน เมียง ซุก เป็นนักสตรีนิยมสายตรง เติบโตมาจากนักเคลื่อนไหวด้านสตรีนิยม ซึ่งนับเป็นผู้ที่โดดเด่นมากที่สุด ในการก้าวสู่ตำแหน่งสูงสูดทางการเมือง




จึงกล่าวไม่ได้ว่า การเมืองไทย ไม่ก้าวหน้า




แต่การเมืองทั้งโลกก็ยังเป็นแบบเดิม และโลกการเมืองเป็นพื้นที่ของเพศชายอยู่วันยังค่ำ ไม่ว่าจะในโลกตะวันออก หรือโลกตะวันตก




แต่สำหรับแนวโน้มใหม่ที่กำลังมาแรง เห็นจะต้องไปดูที่ญี่ปุ่น




เมื่อ คานาโกะ โอซูจิ วัย 32 ปี อดีตสมาชิกสภาท้องถิ่นเมืองโอซากา ผู้ได้รับการสนับสนุนจากพรรคประชาธิปไตยซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้าน อาจจะก้าวมาเป็นนักการเมืองระดับชาติคนแรกที่เปิดเผยตนเองว่าเป็นชาวรักร่วมเพศ ถ้าเธอได้ชนะการลงคะแนนเลือกตั้งสภาล่างของญี่ปุ่น ซึ่งจะมีขึ้นในเดือนกรกฎาคมนี้ แรงบันดาลใจของคานาโกะ ที่ทำให้เธอตัดสินใจเข้าสู่เส้นทางการเมืองมาจากความเจ็บปวดและการอยู่อย่างโดดเดี่ยวตลอด 5 ปีที่ผ่านมา หลังจากเธอยอมรับต่อสาธารณชนว่าเป็นเลสเบี้ยน คานาโกะ รู้ตัวว่าเป็นเลสเบี้ยนเมื่อตอนอายุ 18 เธอกล่าวถึงสังคมว่า



"ในญี่ปุ่น คุณไม่สามารถบอกได้ว่าคุณเป็นเลสเบี้ยน ไม่มีสาวรักร่วมเพศคนไหนที่ได้มีโอกาสสร้างชื่อเสียงทางทีวีหรือด้านอื่นๆ ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจเล่นการเมืองเพื่อเปลี่ยนแนวคิดของสังคมหรือส่งแง่คิดไปยังคนอื่นๆว่าไม่ควรละอายในสิ่งที่ตัวเองเป็น"




คำเปิดอกของเธอ สะท้อนภาพความเป็นจริงของวงการการเมืองกับความหลากหลายทางเพศได้อย่างชัดเจนทีเดียว




มิได้หมายความแค่การเปิดเผยของผู้หญิง แต่การเปิดเผยของผู้ชาย ก็อาจจะนำมาซึ่งผลกระทบเดียวกัน จึงยังไม่เห็นนักการเมืองคนไหนออกมายอมรับว่าตนเองมีความแตกต่างทางเพศ




ในทางการเมือง จึงเป็นเวทีของบรรทัดฐานเดิมๆ ความเชื่อ ค่านิยมดั้งเดิม แม้จะพยายามแสดงการเปิดกว้างมากมายเพียงใด สุดท้ายกรอบความคิดเก่าๆ ก็ยังเป็นกลไกสำคัญของการเมือง





กลไกที่เชื่อว่า การเมืองเป็นเวทีของผู้ชาย