Saturday, August 1, 2009

ลูกหมีแพนด้า ลูกหมา ลูกคน



ท่ามกลางสงครามข่าวบันเทิงน้ำเน่า และข่าวการเมืองที่กำลังพัฒนาทางการเมืองอย่างลุ่มๆ ดอนๆ ข่าวแม่หลินฮุ่ย ดูจะเป็นข่าวดีของประเทศโลกที่สาม อย่างประเทศไทย (ยอมรับเความจริงเหอะ ถ้าอยากเรียกให้น่ารักก็เรียกว่า ประเทศกำลังพัฒนา)

ไม่รู้ว่าทำไมประเทศที่ร้อนตับแล่บอย่างประเทศไทย จะเอาหมีแพนด้ามาเลี้ยงเพื่ออะไร แต่ก็เรียกว่าเป็นการเลี้ยงที่ประสบความสำเร็จเกินคาด เพราะตอนแรกแค่คาดว่าจะท้อง ไปๆ มาๆ กลับคลอดลูกออกมาเสียให้ตื่นเต้นตะลึงกันทั้งประเทศ ชั่วคืนเดียว เราก็พบว่า มีลูกหมีแพนด้ามาเกิดในประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว 1 ตัว

หลินฮุ่ย ได้เป็นคุณแม่หมี ที่คนทั้งโลกจับตามอง สถานะแม่ของหลินฮุ่ย ช่างได้รับการยกย่อง เชิดชู ใส่ใจ ภาพถ่ายแม่หลินฮุ่ยรักลูก ท่วงท่าคาบลูก อุ้มลูก เป็นช็อตเด็ดแพร่ไปทั่วโลก เป็นที่ชื่นชม กรี๊ดกร๊าดของชาวไทย สัญชาตญาณของสัตว์ในการเลี้ยงลูก ได้รับการยกย่องว่าเป็นความรักอันแสนบริสุทธิ์ของคุณแม่หมีแพนด้า

สถานะแม่ของหลินฮุ่ยจึงดูน่าอิจฉาเสียนี่กระไร

เห็นลูกหมีแพนด้า ก็ให้นึกถึงลูกหมาข้างถนน คนไทยมีนิสัยใจบุญ เห็นลูกหมาข้างถนน ก็มักจะสงสาร เอาข้าวเอาปลาไปเลี้ยง ใครมีกำลังก็อุ้มลูกหมากลับไปเลี้ยงบ้านเสียด้วย แม่หมาเป็นแม่ที่ได้รับความสงสาร เห็นใจมากอยู่ทีเดียว ไม่ยักมีใครโทษแม่หมา ว่าเป็นหมาใจแตก ท้องไม่มีพ่อ น่าสมน้ำหน้า วิธีป้องกันของคนทั่วไปก็คือ พาแม่หมาไปทำหมันเสีย จะได้ไม่ต้องท้องอีกต่อไป

แต่สัญชาตญาณการเลี้ยงลูกของแม่หมาก็ทำให้คนชื่นชมอยู่บ้าง แม่(คน)คนไหนทิ้งลูกมักโดนเทียบกับแม่หมา ว่า หมามันยังรักลูกของมัน แปลว่า เป็นแม่คนที่เลวกว่าแม่หมา เพราะทิ้งลูกตัวเอง ดูเถิดดู แม่หมายังสูงค่ากว่าแม่คน

แล้วแม่คนล่ะ
เรื่องที่จะเล่านี้ เป็นเรื่องของเด็กสาวคนหนึ่ง วัยผ่านเบญจเพสมาแล้ว เด็กสาวคนนี้เกิดความผิดพลาดในการมีสัมพันธ์กับชายหนุ่ม ที่ต่างฝ่ายต่างไม่รักกัน แต่กลับกำเนิดสิ่งมีชีวิตในท้อง เธอกำลังเป็นแม่ รู้ตัวก็เมื่อสิ่งมีชีวิตเติบโตมา 2 เดือนกว่าแล้ว

“หายนะ” เป็นสิ่งที่เธอคิด และตั้งใจมั่นว่า ต้องหยุดยั้งสถานะความเป็นแม่โดยไม่พร้อม พูดง่ายๆ ก็คือ เธอตั้งใจจะไปทำแท้ง

แต่เมื่อเห็นสิ่งมีชีวิตในท้องของเธอแล้ว เธอก็เปลี่ยนใจ เธอจะเก็บสิ่งมีชีวิตของเธอไว้ แม้ว่าเธอจะเป็นพียงเด็กสาวครอบครัวมีปัญหา การงานไม่มั่นคง เงินเดือนไม่น่าจะพอเลี้ยง แต่เธอก็คิดว่าเธออยากเก็บสิ่งมีชีวิตนี้ไว้

สำหรับข้าพเจ้า การเลือกของเธอเป็นการเลือกที่กล้าหาญ เพราะเธอต้องเผชิญกับคำถามมากมายจากสังคม เช่น ท้องกับใคร ใครเป็นพ่อเด็ก จะทำยังไง จะเลี้ยงยังไง จะไหวเหรอ ฯลฯ สังคมไม่ให้โอกาสเด็กสาวตัวคนเดียวตั้งครรภ์ เพราะสังคมคิดไปแล้วว่า เด็กสาวตัวคนเดียวคงไม่มีปัญญาเลี้ยงลูก

หากเด็กสาวคนนั้นเลือกจะยุติการตั้งควรรภ์ ข้าพเจ้าก็ไม่กล้าจะว่าความคิดของเธอ เพราะโดยเหตุผลทางสังคมแล้ว เธอมีเหตุผลสมบูรณ์ในการยุติบทบาทสถานะความเป็นแม่

แต่เธอเลือกจะเป็นแม่คน
การเลือกจะเป็นแม่คนของเธอ ช่างเป็นเรื่องยุ่งยาก อย่างที่บอก ด่านแรกคือ คำถามจากสังคม ต่อมาคือกระบวนการเข้าสู่โรงพยาบาล และการดำเนินชีวิตต่อไปโดยต้องบอกทุกฝ่ายว่า ท้องไม่มีพ่อ

เธอบอกว่า เธออยากเป็นหลินฮุ่ย ดูสิ หลินฮุ่ยรักลูก เธอก็รักลูกของเธอ เป็นสายสัมพันธ์ของแม่ลูกที่เธอค้นพบ เธอต้องการเลี้ยงลูก เธอไม่ใช่แม่ใจร้าย เธอก็เหมือนแม่หมา ที่ไม่รู้ชะตากรรม

แต่ในฐานะมนุษย์เพศหญิงผู้แบกท้องโตๆ โดยไม่มีพ่อ เธอกลับกลายเป็นคนที่สังคมไม่ช่วยเหลือ ถูกมองด้วยสายตาหยามหมิ่นว่าท้องไม่มีพ่อ เพื่อนฝูงพยายามนำเสนอว่าให้ยุติการตั้งครรภ์จะดีที่สุด เธอเริ่มรู้สึกว่า การเป็นแม่โดดๆ ไม่ใช่สิ่งที่สังคมยอมรับ กลายเป็นตราบาปของเธอ ทั้งที่เธอเลือกจะเก็บสิ่งมีชีวิตไว้

ในช่วงเวลาที่หลินฮุ่ยได้รับการยกย่องเหลือเกิน เด็กสาวคนนี้กลับต้องอยู่กับคำถามว่า เธอจะเป็นแม่คนดีหรือไม่

No comments: