Sunday, December 3, 2006

เรื่องของมดลูก



เรื่องของมดลูก

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมามา ฉันมีอันต้องพบกับประสบการณ์แบบเพศหญิง ที่แน่นอนว่าเพศชายไม่มีวันรับรู้ความรู้สึกแบบผู้หญิงอย่างนี้ได้ นั่นคือ เรื่องของมดลูก

มดลูก เป็นลัญลักษณ์แสดงเพศหญิง เป็นสิ่งติดตัวแต่กำเนิด เป็นสิ่งที่ทำให้ผู้หญิงต้องมีประจำเดือน และนำไปสู่การความเป็นแม่อย่างแท้จริง นักสตรีนิยมมักหยิบยกเรื่องประสบการณ์แบบมดลูกๆ ทั้งหลายมาเป็นข้ออ้างว่า เป็นประสบการณ์หญิงแท้ ที่เพศชายไม่มีวันเข้าใจ

แล้วฉันก็ขออ้างเรื่องแบบสตรีนิย้ม-นิยม กับเขาบ้าง ในแง่ของประสบการณ์

อาการปวดท้องประจำเดือน เป็นประสบการณ์หนึ่งที่ฉันมีเป็นประจำ ตั้งแต่เป็นเด็กสาวจนกระทั่งเริ่มแก่ก็ยังปวดท้องสม่ำเสมอ และคนใกล้ตัว (ผู้ชาย..แน่นอน) ก็มักทำหน้างงๆ แบบไม่เชื่อว่าคนอะไรมันจะปวดท้องกันขนาดนั้น กะอีแค่มีเม็นส์ บางครั้งฉันก็สังเกตเห็นแววตาจับผิดเสียด้วย ประมาณว่า ฉันกำลังมารยาสาไถย แกล้งเจ็บออดๆ แอดๆ จะได้ไม่ต้องทำงานหนัก ฉันขอประกาศไว้เลยว่า ใครไม่ปวดท้องเม็นส์ ไม่รู้หรอกว่ามันปวดขนาดไหน ไม่ปวดเปล่า ยังหนักๆ ถ่วงๆ บีบๆ บางครั้งแถมด้วยอาการท้องเสียไม่รู้สาเหตุ แสนจะทรมาน ที่เยิ่นเย้อมาทั้งหมดนี่ เพื่อจะบอกว่า แล้ววันหนึ่ง วันนั้นของเดือน ฉันก็ปวดๆๆ อย่างปกติ ปวดตั้งแต่กลางคืนยันเช้า ทีนี้ตอนสายๆ มันชักไม่เข้าท่า เพราะมันปวดมากกว่าที่เคยปวดมาตลอดชีวิต น้ำหูน้ำตาไหลพราก ยืนไม่ไหวเลยทีเดียว อาการนอกจากที่เล่ามา ก็มีปวดแบบวาบหาย วาบหาย เหมือนมีอะไรมาบิดท้องอย่างนั้นเลย

จนในที่สุด คนใกล้ตัว (คนเดิม) ก็บึ่งรถพาฉันไปโรงพยาบาล ฉันบอกพยาบาลว่าปวดท้องไม่รู้สาเหตุ (คือตอนนั้นปวดมากจนลืมบอกว่าปวดท้องเม็นส์) พยาบาลส่งตรงไปที่หมออายุรกรรมผู้เชี่ยวชาญด้านกระเพาะอาหาร ก็ไม่รู้ปวดอะไรนี่หว่า คนไข้มันก็พูดไม่ออก นั่งหน้าเขียวอย่างเดียว รอคิวพักใหญ่ ก็ถึงมือหมอ หมอไม่ทำอะไร เอามือกดๆ สองสามที เราก็พยายามอธิบายว่าสงสัยเป็นเพราะประจำเดือน หรือเพราะอาหารเป็นพิษ (ใจคิดไปถึงหอยแครงที่สวาปามไปเมื่อสองวันก่อน) หมอไม่ว่าอะไร ส่งไปเอ็กซ์เรย์ และตรวจอุลตร้าซาวนด์ บอกว่าเดี๋ยวผลออกมาแล้วค่อยคุยกัน

ฉันถูกเข็นไปห้องเอ็กซ์เรย์ ก่อนจะเอ็กซ์เรย์ ก็ต้องเอ๊กซ์ก่อน คือถอดเสื้อผ้าทุกชิ้น เปลี่ยนเป็นเสื้อคลุมของโรงพยาบาล เอ็กซ์ฯอยู่สองรอบ เพราะฟิล์มไม่ชัด แล้วก็ถูกส่งไปอุลตร้าซาวนด์ หมออุลตร้าซาวนด์ (คนละคนกับหมออายุรกรรม) เอาเครื่องมือวนๆ อยู่ที่หน้าท้อง แล้วก็ร้องอ๋อเสียงดัง ทำนองว่าเจอแล้วๆ (มีความสุขมากที่หาเจอ) คุณปวดทุกเดือนนี่คะ (หมอผู้ชายนะคะ แต่พูดคะ-ขากับคนไข้ น่ารักเสียไม่มี) ช็อกกาแล็ตนี่ไง ปวดข้างขวามากกว่าข้างซ้ายใช่มั้ย (ถามฉัน) นี่ นี่ แล้วก็มีเล็กๆ อยู่ด้วย ไม่เป็นไร ช็อกกาแล็ตเล็กน้อยเป็นเรื่องธรรมดา ว่าแล้วก็จบการอุลตร้าซาวนด์

สารภาพตามตรง ตอนหมอบอกว่าช็อกกาแล็ต ฉันยังไม่รู้เรื่องเลยว่ามันคืออะไร แต่ฟังจากน้ำเสียงของหมอคล้ายว่าจะไม่เป็นไรเท่าไหร่ กลับไปหาหมออายุรกรรมคนเดิม หมอดูผลตรวจทั้งมวลแล้วก็ตกลงส่งฉันต่อไปยังหมอสูตินรีเวช ตอนนั้นเองฉันก็เริ่มหนาว หนาวสั่นจริงๆ ไม่ใช่หนาวกลัว หมอสูฯ ถามย้ำอยู่สองสามคำถาม คือ คุมกำเนิดยังไง (ตอบว่าไม่ได้คุม) เคยทำแท้งหรือเปล่า (อันนี้ย้ำมาก ตอบว่าไม่เคย ก็ถามย้ำอีก หน้าตาท่าทางต้องเหมือนแน่ๆ เลย) และมีไข้หรือเปล่า (อันนี้ในที่สุดปรอทวัดไข้ก็ตอบว่า 38 องศา) หมอจับตรวจภายใน (ขอบอกว่ากลัวชะมัด) สรุปว่าฉันเป็นซีสต์ที่ปีกมดลูก ขนาดไม่ใหญ่ แต่ต้องดูอาการ ในที่สุดฉันก็ถูกจับนอนโรงพยาบาล โดยมีเสียงของหมอสูฯ ดังก้องในหัวว่า ถ้าคุณอักเสบมากต้องผ่าตัด เรื่องใหญ่นะคุณ

ฉันถูกจับอดอาหารและน้ำ ถูกฉีดยา ถูกตรวจเลือด และถูกตรวจร่างกาย (จำพวกวัดไข้ วัดความดัน) ทุก 1 ชั่วโมง

เช้าวันต่อมาคุณหมอสูฯ ก็มาพร้อมข่าวดี คุณเป็นซีสต์นั่นล่ะ ผลเลือดออกมาว่ามีอาการอักเสบ และคุณจะต้องผ่าตัดตอน 10 โมงเช้า ข่าวดีมากๆ ด้วยไม่ต้องเตรียมตัวอะไรอีกแล้ว ได้แต่เตรียมใจ ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่เข้ามาเอาเอกสารยินยอมและเอกสารประกันให้เซ็น ทั้งยังมีหมอสาวหน้าตาน่ารักมากอีกคนเข้ามาแนะนำตัวว่าเป็นวิสัญญีแพทย์ (หมอวางยา) จะเป็นคนวางยาฉันในการผ่าตัด หมอเข้ามาพูดคุยเป็นการผ่อนคลาย สร้างความมั่นใจ ซึ่งฉันก็เห็นว่าฉันไม่ถึงกับเครียด เพียงแต่มันรวดเร็วจนตั้งตัวไม่ทัน

ใกล้เวลาสิบโมงเช้า พยาบาลเข้ามาเตรียมร่างกายของฉันให้พร้อมรับการผ่าตัด เปลี่ยนชุดเป็นชุดสีเขียว และที่สำคัญที่สุดคือการบวชชีน้องสาวนั่นล่ะ ฉันคิดว่าคนเป็นพยาบาลนี่ช่างเป็นอาชีพที่น่าสงสารเป็นที่สุด ต้องมาทำอะไรแปลกๆ ให้คนไข้อย่างเราๆ ทำทุกอย่างกับร่างกายของคนที่ตัวไม่รู้จักอะไรแม้แต่น้อย และทำอย่างเป็นธรรมดาที่สุด จนฉันไม่รู้ว่าจะเขินอายไปทำไม

บุรุษพยาบาลเข็นเตียงเข้ามา เป็นเตียงเตรียมเข้าห้องผ่าตัด ใจฉันเต้นแปลกๆ บอกไม่ถูกว่าอารมณ์ไหน พอเข้าไปห้องรอผ่าตัด ฉันก็ต้องเปลี่ยนเตียง เสียบเครื่องมืออะไรไม่รู้ไว้ที่หัวแม่มือ ความรู้สึกสุดท้ายก็คือ รู้สึกหนาวมากจนสั่นไปทั้งตัว ได้ยินเสียงพูดว่า คนไข้สั่น คนไข้สั่น จากนั้นก็วูบสนิท ไม่ฝัน ไม่มีนิมิตอะไรทั้งนั้น

ลืมตามาอีกทีเห็นนาฬิกาที่ผนัง เพ่งมองเข็มตั้งนานกว่าจะเห็นว่าเวลาบ่ายสอง นับเวลาในใจว่า เอ้อ ผ่าตอนสิบโมง งั้นตอนนี้ก็ผ่าเสร็จแล้วสิ เฮ้…มันผ่านไปแล้ว พอฟื้นขึ้นไม่นาน บรุษพยาบาลก็เข็นพากลับห้อง อาการตอนนั้นออกจะลอยๆ รู้สึกตัวเต็มที่เมื่อถึงห้องแล้ว

รุ่งเช้า หมอสูฯ จึงได้เข้ามาพาฉัน พร้อมรูปถ่ายชิ้นซีสต์ 2 ชิ้น จากปีกมดลูกซ้ายและขวา และก้อนอะไรอีก 1 ชิ้น หมอบอกว่าซีสต์แตก ทำให้เกิดการอักเสบและเลือดออกในช่องท้อง หมอตัดซีสต์และตัดพังผืดออก รวมทั้งไส้ติ่งอีก 1 อัน เนื่องจากการอักเสบในช่องท้องพลอยทำให้ไส้ติ่งอักเสบไปด้วย พอหมอถามว่ามีอะไรจะถามมั้ย ฉันก็ไม่รู้จะถามอะไร เก็บไว้คิดดูก่อนค่ะ

ฉันนอนโรงพยาบาลทั้งหมด 5 วัน เบื่อแสนเบื่อ และเมื่อกลับมาบ้านก็สำเหนียกขึ้นมากว่า ฉันก็มีประสบการณ์แบบเพศหญิงกับเขาเหมือนกัน และเรื่องของมดลูกนี่ พูดกันได้ยาว

คราวหน้าฉันจะถกเถียงเรื่องนี้ (กับตัวเอง) เสียหน่อย!

3 comments:

ปุถุชน said...

ไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี่น่ะ


คิ คิ

Nathalie said...

จ๊าบๆ รูปจ๊วย
เย่...

Anonymous said...

น่าฉงฉานจังเยย คนไม่เปนไม่รู้หรอก ต้องบวชชีน้องสาวนี่ด้วย น่าเห็นใจพยาบาลเนอะ แต่ระวังนะ อย่าสั่นตอนเค้าบวชนะ เด๋วมีดบาดน้องสาว จะแย่ง่ะ